27,11, 2008, 21:59:48 |
กาแฟดำ
|
 |
« เมื่อ: 27,11, 2008, 21:59:48 » |
|
ผมมีข้อสงสัยจึงอยากสอบถามพี่ๆ หน่อยครับว่าเราจะมีวิธีดูงาช้างอย่างไรว่าเป็นงาจริงหรืองาปลอม ช่วยให้ความรู้ทีครับ ขอบคุณ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
27,11, 2008, 22:01:05 |
axes-colt1
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 27,11, 2008, 22:01:05 » |
|
รอฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
27,11, 2008, 22:04:32 |
toto
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 27,11, 2008, 22:04:32 » |
|
อยากรู้เหมือนกันครับ...ว่าวิธีดูว่าจริงหรือปลอม ดูอย่างไร...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
28,11, 2008, 13:57:59 |
พ่อเลี้ยงหนุ่ม
สมาชิกครอบครัว
 
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 771
เขี้ยวเสือ ตะกุดและปืน จะไม่ห่างตัว
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 28,11, 2008, 13:57:59 » |
|
ถ้าถามคำถามนี้กับชาวบ้าน เขาก็จะตอบว่า ให้นำเข็มไปเผาไฟจนร้อนจัดเป็นสีแดง แล้วแทงเข็มลงไปบนงาช้างนั้น ถ้าเป็นงาช้างปลอม เข็มร้อนนั้นจะทะลุลงไปในงาช้างได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นงาช้างแท้ จะปรากฏเพียงรอยปลายเข็มหรือรอยจุดไหม้เท่านั้น
แต่ถ้าถามคำถามนี้กับนักวิทยาศาสตร์ เขาก็จะบอกว่า วิธีดังกล่าวข้างต้นไม่อาจพิสูจน์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะปัจจุบันงาช้างเทียมประดิษฐ์ขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจนได้วัสดุที่คล้ายงาช้างจริงมาก การตรวจพิสูจน์จึงต้องทำตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
งาช้างฝังอยู่ในช่องส่วนหัวของช้าง ตอนโคนงามีช่องว่าง ซึ่งประกอบด้วยเนื้อและประสาท ส่วนปลายแข็งตัน ช้างแอฟริกามีงาใหญ่มาก เคยพบงาที่มีน้ำหนักถึง ๓๐ กิโลกรัม งาจากช้างพันธุ์ต่าง ๆ จะมีคุณสมบัติต่างกันในแง่ความแข็ง สี ความมันความทนทานต่อการเปลี่ยนอุณหภูมิ งาช้างเอเชียเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ง่าย ทว่าเหมาะแก่การแกะสลักเพราะมีเนื้ออ่อนและเหนียว
เมื่อนำงาช้างมาตรวจดูด้านตัดขวาง จะเห็นเป็นสีขาวนวลเนื้อเนียนเป็นมัน มีลายเป็นรูปตาข่ายเล็ก ๆ ส่วนด้านตัดตามยาวของงาช้างเมื่อมองผ่านกล้องขยาย จะเห็นท่อเล็ก ๆ มากมาย ซึ่งมีสารอินทรีย์กระจายอยู่ทั่วไป การที่งาช้างประกอบด้วยท่อเล็ก ๆ ซึ่งมีสารอินทรีย์อยู่ด้วยนี้ ทำให้งาช้างมีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูงสะดวกต่อการแกะสลัก อีกทั้งทำให้งาช้างมีลักษณะละเอียดเนียนเป็นเงามัน เมื่อนำงาช้างมาทดสอบการเผาไหม้ จะมีเขม่าน้อยมาก เหลือเถ้าสีขาวประมาณร้อยละ ๕๔ เมื่อนำเถ้ามาวิเคราะห์ทางเคมีเพื่อหาชนิดของธาตุ รวมทั้งผลจากการอ่านอินฟราเรด สเปกตรัมแสดงผลว่าเถ้าส่วนใหญ่เป็นสารประกอบประเภทแคลเซียมฟอสเฟต อินฟราเรด สเปกตรัมของงาช้างแสดงแอบซอร์ปชันแบนด์ (absorption band) ของกรดอะมิโนและสารประกอบฟอสเฟต ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เสียสละ สักเท่าไร ให้โลกรู้ ให้ชาติอยู่ ด้วยรัก สมัครสมาน เสียกี่เลือด เสียกี่เนื้อ กี่วิญญาน เพื่อจะล้าง คนผลาญชาติ ให้สิ้นไป
|
|
|
28,11, 2008, 14:23:38 |
ภูธร
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 28,11, 2008, 14:23:38 » |
|
มาเก็บความรู้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 14:42:26 |
ภูปทุม
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 28,11, 2008, 14:42:26 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 14:54:31 |
nort (นอตต)
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 28,11, 2008, 14:54:31 » |
|
ถ้าถามคำถามนี้กับชาวบ้าน เขาก็จะตอบว่า ให้นำเข็มไปเผาไฟจนร้อนจัดเป็นสีแดง แล้วแทงเข็มลงไปบนงาช้างนั้น ถ้าเป็นงาช้างปลอม เข็มร้อนนั้นจะทะลุลงไปในงาช้างได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นงาช้างแท้ จะปรากฏเพียงรอยปลายเข็มหรือรอยจุดไหม้เท่านั้น
แต่ถ้าถามคำถามนี้กับนักวิทยาศาสตร์ เขาก็จะบอกว่า วิธีดังกล่าวข้างต้นไม่อาจพิสูจน์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะปัจจุบันงาช้างเทียมประดิษฐ์ขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจนได้วัสดุที่คล้ายงาช้างจริงมาก การตรวจพิสูจน์จึงต้องทำตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
งาช้างฝังอยู่ในช่องส่วนหัวของช้าง ตอนโคนงามีช่องว่าง ซึ่งประกอบด้วยเนื้อและประสาท ส่วนปลายแข็งตัน ช้างแอฟริกามีงาใหญ่มาก เคยพบงาที่มีน้ำหนักถึง ๓๐ กิโลกรัม งาจากช้างพันธุ์ต่าง ๆ จะมีคุณสมบัติต่างกันในแง่ความแข็ง สี ความมันความทนทานต่อการเปลี่ยนอุณหภูมิ งาช้างเอเชียเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ง่าย ทว่าเหมาะแก่การแกะสลักเพราะมีเนื้ออ่อนและเหนียว
เมื่อนำงาช้างมาตรวจดูด้านตัดขวาง จะเห็นเป็นสีขาวนวลเนื้อเนียนเป็นมัน มีลายเป็นรูปตาข่ายเล็ก ๆ ส่วนด้านตัดตามยาวของงาช้างเมื่อมองผ่านกล้องขยาย จะเห็นท่อเล็ก ๆ มากมาย ซึ่งมีสารอินทรีย์กระจายอยู่ทั่วไป การที่งาช้างประกอบด้วยท่อเล็ก ๆ ซึ่งมีสารอินทรีย์อยู่ด้วยนี้ ทำให้งาช้างมีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูงสะดวกต่อการแกะสลัก อีกทั้งทำให้งาช้างมีลักษณะละเอียดเนียนเป็นเงามัน เมื่อนำงาช้างมาทดสอบการเผาไหม้ จะมีเขม่าน้อยมาก เหลือเถ้าสีขาวประมาณร้อยละ ๕๔ เมื่อนำเถ้ามาวิเคราะห์ทางเคมีเพื่อหาชนิดของธาตุ รวมทั้งผลจากการอ่านอินฟราเรด สเปกตรัมแสดงผลว่าเถ้าส่วนใหญ่เป็นสารประกอบประเภทแคลเซียมฟอสเฟต อินฟราเรด สเปกตรัมของงาช้างแสดงแอบซอร์ปชันแบนด์ (absorption band) ของกรดอะมิโนและสารประกอบฟอสเฟต ครับ
สุดยอดข้อมูลครับ ผมยังสงสัยว่าทำไมของงาของพ่อถึงยาวตั้งเมตรกว่าจากพื้นแถมลำดูอวบหนาด้วย ทาง จนท ป่าไม้เคยมาขึ้นทะเบียนและแจ้งว่าเป็นงาเก่า สมัยนี้แทบไม่เห็นว่าจะมีช้างตามธรรมชาติที่มีงายาวใหญ่เลย พวกงานี่จำได้ว่าถ้าขึ้นเหลืองแล้วจะสามารถใช้น้ำยาเช็ดได้ ไม่ทราบว่าเป็นสารอะไรและควรดูแลบำรุงรักษาอย่างไรให้ถูกวิธีครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 15:02:22 |
_/_/คุณชาย_/_/
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 28,11, 2008, 15:02:22 » |
|
มาเก็บความรู้ด้วยคน..ขอบคุณครับ.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 15:42:40 |
พ่อเลี้ยงหนุ่ม
สมาชิกครอบครัว
 
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 771
เขี้ยวเสือ ตะกุดและปืน จะไม่ห่างตัว
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 28,11, 2008, 15:42:40 » |
|
สุดยอดข้อมูลครับ ผมยังสงสัยว่าทำไมของงาของพ่อถึงยาวตั้งเมตรกว่าจากพื้นแถมลำดูอวบหนาด้วย ทาง จนท ป่าไม้เคยมาขึ้นทะเบียนและแจ้งว่าเป็นงาเก่า สมัยนี้แทบไม่เห็นว่าจะมีช้างตามธรรมชาติที่มีงายาวใหญ่เลย พวกงานี่จำได้ว่าถ้าขึ้นเหลืองแล้วจะสามารถใช้น้ำยาเช็ดได้ ไม่ทราบว่าเป็นสารอะไรและควรดูแลบำรุงรักษาอย่างไรให้ถูกวิธีครับ  วิธีของผมก็น่าจะคล้ายๆท่านอื่นนะครับ ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่แล้วนำไปแปะไว้รอบงา หลังจากนั้นเอางาช้างวางไว้กลางแดดทั้งๆ ที่ยังเปียกน้ำสบู่อยู่ ทิ้งไว้พอคราบสบู่ติดงา ผมจะไม่กำหนดเวลาครับ(ความร้อนของแดดแต่ละที่จะไม่เท่ากัน) แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เมื่อแห้งแล้วขัดด้วยผ้าสักหลาด ก็จะได้งาช้างสะอาดดังเดิม. วัสดุประเภทงา - กระดูก จะแพ้ความชื้นและอุณหภูมิ การเก็บในรถ หรือที่ความชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากและบ่อยจะทำให้แตกร้าวได้ง่าย แสงและน้ำมันจะทำให้สีเปลี่ยน ดังนั้นควรเก็บในที่แสงแดดส่องไม่ถึง และหลีกเลี่ยงการโดนน้ำมัน (จากมือ) แต่เอาง่ายๆยึดหลักว่า ต้องเก็บไว้ ไม่ให้ถูกความร้อน หรือแสงแดด หากเก็บในตู้ ควรหาภาชนะเล็กๆเช่นแก้วน้ำเติมน้ำไว้ตลอดเวลา หน้าร้อนหรือหน้าหนาวอากาศจะแห้งมาก งาจะคายความชื้นออก อาจแตกเป็นรอยเล็กๆได้ครับ และหากเป็นหน้างาที่ตัดออกตามขวาง ควรพ่นเคลือบด้วยสเปรย์แลคเกอร์ไว้ด้วย เพื่อปกป้องไม่ให้หน้าตาแยกจากกันครับ งาช้างที่บ้านเหลือ 1 คู่ และปะกับด้ามงาช้างอีก 1 คู่ครับ งาช้าง-เขี้ยวเสือโคร่ง ของสะสมเสริมวาสนาบารมีแก่ผู้ครอบครอง ครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เสียสละ สักเท่าไร ให้โลกรู้ ให้ชาติอยู่ ด้วยรัก สมัครสมาน เสียกี่เลือด เสียกี่เนื้อ กี่วิญญาน เพื่อจะล้าง คนผลาญชาติ ให้สิ้นไป
|
|
|
28,11, 2008, 16:11:22 |
nort (นอตต)
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 28,11, 2008, 16:11:22 » |
|
วิธีของผมก็น่าจะคล้ายๆท่านอื่นนะครับ ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่แล้วนำไปแปะไว้รอบงา หลังจากนั้นเอางาช้างวางไว้กลางแดดทั้งๆ ที่ยังเปียกน้ำสบู่อยู่ ทิ้งไว้พอคราบสบู่ติดงา ผมจะไม่กำหนดเวลาครับ(ความร้อนของแดดแต่ละที่จะไม่เท่ากัน) แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เมื่อแห้งแล้วขัดด้วยผ้าสักหลาด ก็จะได้งาช้างสะอาดดังเดิม. วัสดุประเภทงา - กระดูก จะแพ้ความชื้นและอุณหภูมิ การเก็บในรถ หรือที่ความชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากและบ่อยจะทำให้แตกร้าวได้ง่าย แสงและน้ำมันจะทำให้สีเปลี่ยน ดังนั้นควรเก็บในที่แสงแดดส่องไม่ถึง และหลีกเลี่ยงการโดนน้ำมัน (จากมือ) แต่เอาง่ายๆยึดหลักว่า ต้องเก็บไว้ ไม่ให้ถูกความร้อน หรือแสงแดด หากเก็บในตู้ ควรหาภาชนะเล็กๆเช่นแก้วน้ำเติมน้ำไว้ตลอดเวลา หน้าร้อนหรือหน้าหนาวอากาศจะแห้งมาก งาจะคายความชื้นออก อาจแตกเป็นรอยเล็กๆได้ครับ และหากเป็นหน้างาที่ตัดออกตามขวาง ควรพ่นเคลือบด้วยสเปรย์แลคเกอร์ไว้ด้วย เพื่อปกป้องไม่ให้หน้าตาแยกจากกันครับ งาช้างที่บ้านเหลือ 1 คู่ และปะกับด้ามงาช้างอีก 1 คู่ครับ งาช้าง-เขี้ยวเสือโคร่ง ของสะสมเสริมวาสนาบารมีแก่ผู้ครอบครอง ครับ  
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 16:14:25 |
udsa
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 28,11, 2008, 16:14:25 » |
|
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 16:15:37 |
t.kub
สมาชิก

ออฟไลน์
กระทู้: 282
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: 28,11, 2008, 16:15:37 » |
|
รอด้วยครับ อยากรู้เพื่อประดับความรู้ ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 16:25:25 |
ซิ่ง
สมาชิก

ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 378
The Drifter Of Thailand
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 28,11, 2008, 16:25:25 » |
|
อยากรู้มานานล่ะครับ...มันเป็นแบบนี้นี่เอง  ขอบคุณมากครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
28,11, 2008, 16:43:21 |
กาแฟดำ
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 28,11, 2008, 16:43:21 » |
|
ขอถามอีหน่อยครับ ถ้าผมจะซื้อประกับงาช้างผมจะมีวิธีอื่นอีกไหมครับที่จะทดสอบ ถ้าหากไม่มีเวลาพอที่จะใช้ผ้าชุบน้ำสบู่แล้วตากแดดไว้ ช่วยแนะนำที ขอบคุณครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|